เป็นสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้สำหรับลูกจ้าง เพื่อให้ลูกจ้างมีหลักประกันทางการเงิน และจูงใจให้ทำงานกับนายจ้างนานยิ่งขึ้น
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คือ กองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้นด้วยความสมัครใจ เพื่อให้ลูกจ้างมีเงินออมไว้ใช้ยามเกษียณอายุ ลาออกจากงาน ทุพพลภาพ หรือเป็นหลักประกันให้ครอบครัวในกรณีที่ลูกจ้างเสียชีวิต
สวัสดิการที่นายจ้างจัดให้ เป็นหลักประกันทางการเงินเพื่อเป็นแรงจูงใจในการทำงาน
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถบริหารจัดการได้ 2 รูปแบบ คือ
1. กองทุนเดี่ยว
เป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับบริษัท หรือกลุ่มบริษัท ที่มีเงินกองทุนอยู่เดิมมากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป โดยที่นโยบายการลงทุนจะเป็นการกำหนดร่วมกันระหว่างคณะกรรมการกองทุน และ เอไอเอ
2. กองทุนร่วม
เป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับบริษัทที่มีขนาดกลางและขนาดย่อม ที่ยังไม่เคยจัดตั้งกองทุนมาก่อน หรือ มีขนาดกองทุนน้อยกว่า 100 ล้านบาท โดยการนำเงินกองทุนของแต่ละบริษัทเหล่านั้นมาบริหารรวมกัน ซึ่งจะทำให้กองทุนมีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถกระจายการลงทุนและความเสี่ยงได้ดีขึ้น
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพคืออะไร
เป็นการออมเงินจากทั้ง 2 ฝ่าย คือ
1. ลูกจ้างจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนในอัตราร้อยละ 2-15 ของค่าจ้างพื้นฐานต่อเดือน
2. นายจ้างจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนในอัตราร้อยละ 2-15 ของค่าจ้างพื้นฐานต่อเดือน
โดย เอไอเอ (บริษัทจัดการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ หลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคล) จะนำเงินทั้ง 2 ส่วนไปบริหารจัดการลงทุนตามนโยบาย/แผนการลงทุนที่บริษัทนายจ้างหรือสมาชิกเลือกไว้
- มีสถานะเป็นนิติบุคคล : กองทุนที่จดทะเบียนแล้วจะมีสถานะเป็นนิติบุคคล แยกต่างหากจากทรัพย์สินของนายจ้าง ลูกจ้าง และบริษัทจัดการ โดยสิทธิเรียกร้องเงินจากกองทุนไม่อาจโอนกันได้ และไม่อยู่ภายใต้การบังคับคดี
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้
Q : นายจ้างสามารถตั้งกองทุนให้กับพนักงานและบริหารเองได้หรือไม่
A : ไม่ได้ เนื่องจากตามมาตรา 13 แห่งพ.ร.บ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กำหนดว่า การจัดการกองทุนต้องดำเนินการโดยบุคคลซึ่งมิใช่นายจ้าง และต้องได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
Q : ลูกจ้างรวมตัวกันจัดตั้งกองทุนเอง โดยนายจ้างไม่สมทบเงินเข้ากองทุนได้หรือไม่
A : ไม่ได้ เนื่องจากตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 กำหนดว่า กองทุนจะมีขึ้นได้ต่อเมื่อลูกจ้างและนายจ้างตกลงกันจัดตั้งขึ้น โดยลูกจ้างจ่ายเงินสะสมและนายจ้างจ่ายเงินสมทบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับกองทุนนั้น
Q : กฎหมายบังคับให้ทุกบริษัทต้องมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือไม่
A :กฎหมายไม่ได้บังคับให้ทุกบริษัทต้องมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ยกเว้น บริษัทที่ประสงค์จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะต้องจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามหลักเกณฑ์การนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
Q : ลูกจ้างจะได้รับเงินเท่าใดเมื่อออกจากกองทุน
A : ลูกจ้างที่เป็นสมาชิกกองทุนเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ จะได้รับเงินสะสมของตนเองพร้อมผลประโยชน์ของเงินสะสมทั้งจำนวน แต่ในส่วนเงินสมทบของนายจ้างและผลประโยชน์เงินสมทบ จะได้รับตามเงื่อนไขที่ระบุในข้อบังคับกองทุน ซึ่งแต่ละนายจ้างจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน
Q : ลูกจ้างจะได้รับเงินเมื่อใด
A : เอไอเอ จะดำเนินการจ่ายเช็คให้สมาชิกภายใน 30 วันนับแต่วันสิ้นสมาชิกภาพ โดยที่คณะกรรมการกองทุนจะเป็นผู้แจ้งการสิ้นสมาชิกภาพให้บริษัทจัดการทราบ
Q : หากลูกจ้างเสียชีวิต เงินกองทุนจะตกเป็นของใคร
A : เอไอเอ จะจ่ายเงินกองทุนให้กับผู้รับประโยชน์ ตามหนังสือระบุผู้รับประโยชน์* ที่สมาชิกเคยแจ้งไว้
แต่หากกรณีที่สมาชิกมิได้ระบุผู้รับประโยชน์ กฎหมายระบุให้จ่ายเงินให้บุคคลตามหลักเกณฑ์ดังนี้
(1) บุตรให้ได้รับสองส่วน แต่ถ้าผู้ตายมีบุตรตั้งแต่สามคนขึ้นไปให้ได้รับสามส่วน
(2) สามีหรือภริยาให้ได้รับหนึ่งส่วน
(3) บิดามารดา หรือ บิดา หรือมารดาที่มีชีวิตอยู่ให้ได้รับหนึ่งส่วน
ถ้าผู้ตายไม่มีบุคคลดังกล่าวใน (1) (2) หรือ (3) หรือมีแต่ได้ตายไปก่อน ให้แบ่งเงินที่บุคคลนั้นมีสิทธิจะได้รับให้แก่บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ตามส่วนที่กำหนดข้างต้น
*หนังสือระบุผู้รับประโยชน์ สมาชิกสามารถระบุให้ใครก็ได้ กี่คนก็ได้แต่เมื่อรวมสัดส่วนทุกคนแล้วต้องได้ 100% โดยสมาชิกสามารถแจ้งเปลี่ยนแปลงผู้รับประโยชน์เมื่อใดก็ได้โดยกรอกแบบฟอร์มใหม่ส่งให้คณะกรรมการกองทุนหรือฝ่ายบุคคล